|
|||
บทบาทที่ควรรู้ของผู้บังคับหลักประกัน พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อรองรับให้ผู้ประกอบการสามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจแต่ไม่เป็นที่ยอมรับของสถาบันการเงิน ในการใช้เป็นหลักประกัน เช่น สินค้าคงคลัง วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น มาเป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินได้เหตุผล ในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ทรัพย์สินที่อาจนำมาใช้เป็นประกันกาชำระหนี้ในลักษณะที่ผู้ให้หลักประกันไม่ต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับหลักประกันหรือการจำนองตามมาตรา 703 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำกัดเฉพาะอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์มีทะเบียนบางประเภทเท่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจจึงไม่สามารถนำทรัพย์สินอื่นที่ใช้ในการประกอบธุรกิจนอกจากทรัพย์สินดังกล่าวมาใช้เป็นประกันการชำระหนี้ในลักษณะที่ผู้ให้หลักประกันไม่ต้องส่งมอบการครอบครองทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับหลักประกันได้ เช่นสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า หรือทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งที่ทรัพย์สินเหล่านี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเช่นกัน อีกทั้งกระบวนการบังคับจำนองมีความล่าช้าอันเป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ สมควรตรากฎหมายเพื่อรองรับการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาใช้เป็นประกันการชำระหนี้ในลักษณะที่ไม่ต้องส่งมอบการครอบครองแก่เจ้าหนี้และสร้างระบบการบังคับหลักประกันที่มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมอันจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ เมื่อมีพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว ทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจดังต่อไปนี้สามารถนำมาเป็นหลักประกันได้ตามกฎหมาย โดยผู้ให้หลักประกัน (ผู้ประกอบธุรกิจ) และผู้รับหลักประกัน (สถาบันการเงิน) จะต้องตกลงกันเองว่าจะให้และจะรับหลักประกันดังกล่าวและเลือกผู้บังคับหลักประกัน ต่อไปจะทราบถึงหน้าที่ของผู้บังคับหลักประกัน ได้แก่ไต่สวนข้อเท็จจริงเหตุบังคับหลักประกัน ตรวจสอบและประเมินราคากิจการที่เป็นหลักประกันกำหนดวิธีการที่เหมาะสมในการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน บำรุงรักษา จัดการและดำเนินกิจการที่เป็นประกันจนกว่าจะจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันได้ และดำเนินการจำหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน และจัดสรรเงินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ ซึ่งผู้บังคับหลักประกัน หมายถึง ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่พนักงานทะเบียนให้เป็นผู้บังคับหลักประกันสำหรับการนำกิจการมาเป็นหลักประกัน โดยบทบาทของผู้บังคับหลักประกัน คือ ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกันต้องมี ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านกฎหมาย บัญชี เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ หรือการประเมินราคาทรัพย์สิน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ปัจจุบัน กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง หลักเกณฑ์การเป็นผู้บังคับหลักประกัน ได้กำหนดให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตสามารถเป็นผู้บังคับหลักประกันได้ โดยต้องมีคุณสมบัติที่ต้องมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพสอบบัญชีรับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพบัญชี ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 3 ปี และผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้บังคับหลักประกัน ต้องผ่านการอบรมและผ่านการทดสอบ ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประกาศกำหนด ซึ่งปัจจุบัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทยอยจัดอบรมอยู่อย่างสม่ำเสมอโดยใช้เวลาในการอบรม 2 วัน by AMTaudit / www.amtaudit.com |
|||